ปีเตอร์ เซงกี้ (Senge, 1990,
pp. 6-11) ได้กล่าวถึง ได้สรุปคุณลักษณะสำคัญ 5 ประการขององค์การแห่งการเรียนรู้ไว้ ดังนี้ 1) บุคลากรยึดมั่นต่อวิสัยทัศน์ร่วมกัน
2) บุคลากรทุกคนต้องละทิ้งวิธีคิดแบบเก่าและมาตรฐานการทำงานต่าง ๆ
ที่เคยใช้ในการแก้ปัญหาประจำ หรือวิธีการทำงานในอดีต 3) บุคลากรทุกคนต้องคิดถึงกระบวนการบริหารองค์การในภาพรวม โดยที่กิจกรรม
ภารกิจหน้าที่ และการดำเนินงานจะก่อให้เกิดความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างกัน 4) บุคลากรสื่อสารอย่างเปิดเผยทุกทิศทาง ทั้งในแนวตั้งและแนวนอน โดยไม่ต่อต้านต่อคำวิพากษ์วิจารณ์หรือการลงโทษ
5) บุคลากรไม่เห็นแก่ผลประโยชน์ส่วนตน ของแผนกหรือของกลุ่มแต่ต้องทำงานร่วมกันเพื่อให้สามารถบรรลุวิสัยทัศน์องค์การ
การที่จะเป็นองค์การแห่งการเรียนรู้ได้ต้องมีวิสัยทัศน์ ซึ่งจะเป็นเครื่องชี้นำอนาคตขององค์การโดยการปรับเปลี่ยนแนวคิดต่าง
ๆ ดังนี้ 1) การทำงานแบบแยกส่วน ที่เคยยึดหลักความเชี่ยวชาญเฉพาะทางเกิดการแบ่งเป็นแผนกหรือฝ่าย
เป็นอิสระต่อกัน ทำให้งานขาดประสิทธิภาพและสิ้นเปลืองจากการใช้ทรัพยากรซ้ำซ้อนกัน
2) แนวคิดที่เน้นการแข่งขันมากเกินไปเกิดความเสียหายต่อการร่วมมือกันทำงาน
เช่น สมาชิกในทีมบริหารแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นว่าใครเก่งกว่าใคร ความคิดตนถูกแต่ของคนอื่นผิด
หรือการแข่งขันระหว่างแผนกเพื่อแย่งผลงานทรัพยากร ทั้งที่ควรร่วมมือกันและแลกเปลี่ยนข้อมูลความรู้ซึ่งกันและกัน
หรือผู้นำทีมโครงการที่ต่างแสดงให้เห็นว่าตนเองเก่ง และเหนือกว่าผู้นำคนอื่นจึงทำให้ขาดการประสานงานและร่วมมือกัน
แนวความคิดในการพัฒนาองค์การแห่งการเรียนรู้
จะครอบคลุมทุกๆคนไปจนถึงตัวองการจะต้องมีเป้าหมายและระบบในการพัฒนา
ตัวผู้นำและสมาชิกทุกคนในองค์การมีการส่งเสริม และยกระดับการเรียนรู้ให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม
ภายใต้พื้นฐาน วินัย 5 ประการ ที่ทุกคนจะต้องมีความเชื่อและร่วมกันปฏิบัติ
ซึ่งได้แก่ 1) ความเป็นบุคคลรอบรู้ 2) รูปแบบวิธีคิด
3) วิสัยทัศน์ร่วมกัน 4) การเรียนรู้เป็นทีม
5) การคิดเชิงระบบ ซึ่งให้คำอธิบายวินัย 5 ประการไว้ดังนี้
2) รูปแบบวิธีคิด
(Mental Models) แบบแผนทางจิตสำนึกของคนในองค์การซึ่งจะต้องสะท้อนถึงพฤติกรรมของคนในองค์การองค์การแห่งการเรียนรู้จะเกิดขึ้นได้เมื่อ
สมาชิกในองค์การมีแบบแผนทางจิตสำนึกหรือความมีสติที่เอื้อต่อการสะท้อนภาพที่ถูกต้องชัดเจน
และมีการจำแนกแยกแยะโดยมุ่งหวังที่จะปรับปรุงความถูกต้องในการมองโลกและปรากฏการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นรวมทั้งการทำความเข้าใจในวิธีการที่จะสร้างความกระจ่างชัด
เพื่อการตัดสินใจได้อย่างถูกต้องหรือมีวิธีการที่จะตอบสนองความเปลี่ยนแปลงที่ปรากฏอยู่ได้อย่างเหมาะสม
3) วิสัยทัศน์ร่วมกัน
(Shared Vision) การมีวิสัยทัศน์ร่วมกันของคนทั้งองค์การองค์การแห่งการเรียนรู้จะต้องเป็นองค์การที่สมาชิกทุกคนได้รับการ
พัฒนาวิสัยทัศน์ของตนให้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์รวมขององค์การซึ่งจะสนับสนุนให้เกิดการรวมพลังของสมาชิกที่มีความคาดหวังต่อความเปลี่ยนแปลงและความก้าวหน้าต่อไป
ภายใต้จุดมุ่งหมายเดียวกันของคนทั้งองค์การ
4) การเรียนรู้เป็นทีม
(Team Learning) การเรียนรู้ร่วมกันของสมาชิกในองค์การโดยอาศัยความรู้และความคิดของมวลสมาชิกในการแลกเปลี่ยน
และพัฒนาความฉลาดรอบรู้และความสามารถของทีมให้บังเกิดผลยิ่งขึ้น เรียกว่า การอาศัยความสามารถของสมาชิกแต่ละบุคคล
องค์การแห่งการเรียนรู้จะเกิดได้เมื่อมีการรวมพลังของกลุ่มต่าง ๆ ภายในองค์การเป็นการรวมตัวของทีมงานที่มีประสิทธิภาพ
สูงซึ่งเกิดจากการที่สมาชิกในทีมมีการเรียนรู้ร่วมกันมีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและประสบการณ์กันอย่างต่อเนื่องและ
สม่ำเสมอ
5) การคิดเชิงระบบ
(System Thinking) มีความคิดความเข้าใจเชิงระบบ ทุกคนควรมีความสามารถในการเข้าใจถึงความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งต่าง
ๆ ที่เป็นองค์ประกอบสำคัญของระบบนอกจากมองภาพรวมแล้ว ต้องมองรายละเอียดของส่วนประกอบย่อยในภาพนั้นให้ออกด้วย
วินัยข้อนี้สามารถแก้ไขปัญหาที่สลับซับซ้อนต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี
No comments:
Post a Comment