โฆษณา

STEM Education ด้วย Social Media by kruweerachat

Saturday, March 15, 2014

เหลือเดือนละ 1,000 บาท >>>> ลงทุนกับเวลา

วันที่ผมโพสนี้ คือวันที่ 16 มีนาคม 2557  วันนี้สิ่งที่หลายๆคนพูดถึงอาจเป็นเรื่องโชคและดวงชะตา ซึ่งผมคิดว่าทุกๆคนคุ้นหูกันดี ผมได้ยินมาตั้งแต่เด็ก ตอนนี้ก็ยังคุยกันเรื่องนี้อยู่นะครับ  เนื้อหาของการคุยนั้นเป้าหมาย วัตถุประสงค์ชัดเจน คือ  ต้องการรวย  แต่ด้วยวิธีการเสี่ยงดวง 30 ปีมาแล้ว เรื่องนี้ก็ยังวนเวียนอยู่ ช่วงหลังๆมานี้หลังจากที่ผมเปลี่ยนวิธีคิดใหม่ โดยศึกษาวิธีการของคนที่รวยระดับโลก  หรือ คนที่เก่งระดับโลก แนวคิดของเขาต่างจากเรามากมายครับ ทั้งในเรื่องวิธีการคิดและวิธีการลงมือทำ  จึงทำให้เราและเขาแตกต่างกันครับ  ผมจะเริ่มเล่านะครับ
                      คนรวย ใช้เงินทำงาน ส่วนเราทำงานเพื่่อใช้เงิน  (ก็ถือว่าประกอบสัมมาชีพเลี้ยงครอบครัวครับ) แต่สิ่งที่แตกต่างกันคือ คนรวยเหล่านั้นไม่ต้องทำงานส่วนเราต้องทำงาน เราและเขาได้เงินมาเหมือนกันแต่ด้วยวิธีการที่แตกต่างกัน งั้นต่อไปมาดูนะครับ วิธีการแตกต่างกันอย่างไร
                      คนรวยใช้เงินทำงาน เงิน 1,000 บาท ของคนรวย สามารถสร้างดอกเบี้ยหรือปันผลรายเดือน รายปี  หรือ ทุกๆ 5 ปี ทุกๆ 10 ปี ได้โดยที่คนรวยไม่ต้องทำงานเองเพียงให้เงินต่อเงิน   แต่คนจน ทำงานเพื่อเงิน 1,000 บาทแล้วใช้จนหมด แล้วก็ไปหาใหม่ วัฎจักรนี้เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีก  คนจนหาเงินได้ 15,000  บาทต่อเดือน  ให้หมดทุกเดือนแล้วไปหามาใหม่  คนรวยใช้เพียง ครึ่งหนึ่ง เหลือเก็บอีก 7,500 บาท/เดือน  ครบ 1 ปี คนรวยมีทุนเพื่อให้มันทำงานแทนตัวเอง 90,000 บาท/ปี  แต่คนจน ได้รถยนต์ 1 คัน โก้หรู ดูดี มีสไตร์




ทรัพย์สิน มูลค่า 90,000 บาทต่อปี  ผ่อน 8 ปี หมดไป 720,000 บาท


ในฝั่งของคนรวย ที่สามารถทำให้เงินทำงานแทนคน  ใช้เงิน 90,000 บาทต่อปี  ทำงาน เช่น ซื้อฉลากออมสิน ซื้อทรัพย์สินมูลค่าเพิ่ม
ทรัพย์สิน มูลค่า 90,000 บาทต่อปี  ระยะเวลา 8 ปี รวมทรัพย์สิน 720,000 บาท

ปีที่ 9 เป็นต้นไป เมื่อทำทรัพย์สินตามวิธีคิดของคนจนและคนรวยมาเปรียบเทียบกัน แนวคิดของคนจน รถที่ผ่อน หมดไป 720,000 บาท นำไปขายเข้าตลาด ได้กลับคือมา 300,000 บาท ขาดทุน 420,000 บาท ปีที่ 9 เป็นต้นไป เมื่อนำทรัพย์สินตามวิธีคิดของคนรวยมาคำนวณ ถ้าเขาเลือกลงทุนโดยซื้อหุ้นของ ปตท.  ย้อนหลังเมื่อ 9 ปีที่แล้ว ซื้อเพิ่มทุกปี  คนรวยจะได้ปั่นผล 5-7% ต่อปี  และราคาหุ้นของ ปตท. เพิ่มขึ้น ทุกๆปี  ปัจจุบันอยู่ที่ 295 บาท/หุ้น  คำนวนปีสุดท้ายดูนะครับ 
กราฟราคาหุ้น ของ ปตท.


เมื่อ 9 ปีที่แล้วราคาหุ้นของ ปตท. เพิ่มขึ้นมา 6 เท่าตัว

ลักษณะการเติบโตของเงิน แบบออมในหุ้น ให้เงินทำงาน

คำนวณการเติบโต 6 เท่าในรอบ 10 ปี ปีสุดท้ายที่ผมคำนวณ จะมีเงินในหุ้นอยู่ 2,004,837 บาท (15 ปี) ในปีที่ผมเกษียณ หรืออีก 30 ปีข้างหน้า ถ้วยอัตราเดียวกัน ถ้าคิดตามอัตราการเติบโต มันควรอยู่ที่ 12 ล้าน พอได้ไช่มั้ยครับ  30 ปี 12 ล้านบาท  เฉลี่ยคืนกลับหลัง เท่ากับ ปีละ 6 แสน (12ล้าน หาร 30 )  ซึ่งจริงๆแล้วเราเก็บปีละ 9 หมื่น แต่ 30 ปีผ่านไป เราได้เงินเก็บเฉลี่ย กลายเป็น ปีละ 6 แสน

                     สิ่งที่ผมอธิบายนี้ เรียกว่า การได้เปรียบทางการเงิน  เราสามารถทำให้เงินของเราเพิ่มขึ้นได้ปีละ 7 เท่า  จากออมปีละ 90,000  บาท ให้เฉลี่ยกลับคืนมาเป็นปีละ 600,000 บาท การได้เปรียบทางการเงิน ประมาณ 7 เท่า  
                      มันอาจจะซับซ้อนหน่อยนะครับ  แต่ถ้าลอง คิดแบบง่ายๆ แบบนี้
 1+1=2,
2+2 =4
4+4 =8
8+8 = 16
16+16=32   
.......
.......
.......
บวกไปเรื่อยๆ ครับ ครบ 30 ครั้ง  จะเข้าใจในสิ่งที่ผมพยายามอธิบายนะครับ
 แต่ในชีวิตจริง มันมีรายจ่ายหลายทางกว่านั้นครับ  ดังภาพนี้
การออมแบบ ออมไว้ในหุ้น ลงทุนเน้นคุณค่า

                การลงทุนออมไว้ในหุ้น หรือ แบบเน้นมูลค่า ช่วยให้เงินออมของเราเติบโตอย่างมั่นคง และไม่เดือดร้อนในชีวิตประจำวัน แต่ที่สำคัญคือ ต้องมีวินัยทางการเงินอย่างสูงนะครับ ผมเลือกให้หักจากบัญชีเลย ออมในหุ้นก่อน (โดนหุ้นเข้าสิง)  
              ****  การซื้อหุ้นสำหรับผม คือการเดินตามฝันที่ต้องการทำธุรกิจ เป็นเจ้าของกิจการ อาชีพปัจจุบันผมเป็นครู ไม่มีเวลาไปทำงานอิสระอย่างอื่นเพราะจะกระทบกับงานประจำ ผมจึงเลือกซื้อธุรกิจ ซึ่งมีให้ผมเลือกกว่า 500 บริษัท ซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำของเมืองไทย  เช่น ปตท. ปูนซีเมนต์ไทย  บางจาก โรงไฟฟ้า  เหมืองถ่านหิน  บริษัทนำเข้าอุปกรณ์ไอที   ซึ่งสิ่งนี้เติมฝันผมให้เต็ม และผมไม่ต้องไปทำงานเอง เพียงนำเงินไปร่วมลงทุนในธุรกิจ  การซื้อหุ้นสำหรับผม คือการร่วมทำธุรกิจ ไม่ได้เล่นเพื่อเก็งกำไร ในระยะยาว 30 ปี กำไรแน่นอนครับ  แต่ต้องใช้เวลาและมีวินัยทางการเงินที่สูงมาก แถมต้องอดทนแบบสุดขีด 


             โพสนี้ผมโพสหัวข้อไว้ เหลือเดือนละ 1,000 บาท  หัวข้อนี้ผมคิดว่าเพียงพอสำหรับการออมเพื่อเป็นเงินเกษียณระยะยาวนะครับ  แต่ต้องมีการจัดเก็บที่ดีในแหล่งที่สามารถเติบโตได้ เงินต้นไม่หาย  เช่น ซื้อฉลากออมสินไว้ทุกเดือน ครบปี มีเงิน 12,000  แล้วค่อยเอาไปออมในหุ้นต่อ(สำหรับคนชอบเสี่ยงโชค บางเดือนก็มีโชค ถูกหวยออมสิน โดยที่เงินต้นยังอยู่ ผมเป็นคนหนึ่งที่ชอบเสี่ยง)  ถ้าทำแบบนี้ทุกๆเดือน ค่อยๆสะสม  ในระยะยาว ความเสี่ยงมันก็น้อยลง ผลตอบแทนมันก็มากขึ้น  ในแต่ละวันก็จะมีความสุขในการทำงานประจำและเงินของเราก็จะทำงานแทนเราอยู่ในตลาดหลักทรัพย์  นี่คือความสุขของนักลงทุนนะครับ  >>>>  ลงทุนกับเวลา

No comments:

Post a Comment

like